ซุลก็อรนัยน์
- จักรินทร์ แม้นมินทร์
- Aug 17, 2017
- 1 min read

จากซูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟฺ (Al-kahf) (ซูเราะฮฺ ลำดับที่ 18)
83. และพวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับซุลก็อรนัยน์(*1*)จงกล่าวเถิด “ฉันจะเล่าเรื่องของเขาแก่พวกท่าน”
(1) กล่าวกันว่า เป็นกษัตริย์มุสลิมแห่งเยเมน ที่เรียกกันว่า “ซุลก็อรนัยน์” ก็เพราะเขามีอำนาจปกครองดินแดนจากตะวันออกจรดตะวันตก
84. แท้จริงเราได้ให้อำนาจแก่เขาในแผ่นดิน และเราให้เขาทุกสิ่งที่เขาต้องการ(*1*)
(1) นักตัฟซีรกล่าวว่า ซุลก็อรนัยน์มีอำนาจปกครองในสมัยระหว่างนะบีอีซากับนะบีมุฮัมมัด มีรายงานว่าบุคคลที่มีอำนาจปกครองแผ่นดินมีอยู่ 4 คน เป็นมุอ์มิน 2 คน กาฟิร 2 คน ที่เป็นมุอ์มินคือนะบีสุลัยมานกับซุลก็อรนัยน์ ส่วนกาฟิร2 คนคือ นัมรู้ด และบัดตันศิร
85. ดังนั้น เขาจึงมุ่งไปทางหนึ่ง (ทางทิศตะวันตก)
86. จนกระทั่งเมื่อเขาไปถึงดินแดนที่ดวงอาทิตย์ตก เขาพบลงในน้ำขุ่นดำ(*1*) และพบ ณ ที่นั้นชนหมู่หนึ่ง เรากล่าวว่า(อัลลอฮ์ทรงดลใจเขา) “โอ้ ซุลก็อรนัยน์ เจ้าจะลงโทษพวกเขา(*2*)หรือทำความดีต่อพวกเขา”
(1) คือดวงอาทิตย์ตก ณ สถานที่นั้น เพราะเขายืนอยู่ในบริเวณนั้น มิได้หมายความว่ามันตกลงไปในน้ำขุ่นดำจริงๆ เพราะผู้ที่ยืนอยู่กลางทะเลทรายจะเห็นว่าดวงอาทิตย์ตกท่ามกลางทะเลทราย (2) นักตัฟซิรอธิบายว่า ชนหมู่นั้นเป็นพวกปฏิเสธศรัทธา อัลลอฮ์ ตะอาลา ทรงให้เขาเลือกปฏิบัติเอา ระหว่างให้ลงโทษพวกเขาด้วยการฆ่า หรือเรียกร้องเชิญชวนพวกเขาไปสู่อิสลาม แล้วทำดีกับพวกเขา
87. เขากล่าวว่า “ส่วนผู้ที่อธรรมนั้นเราจะลงโทษเขา แล้วเขาจะถูกกลับไปยังพระผู้เป็นเจ้าของเขา ดังนั้นพระองค์จะทรงลงโทษเขาซึ่งการลงโทษอย่างรุนแรง
88. “และส่วนผู้ศรัทธาและประกอบความดีนั้น สำหรับเขาคือการตอบแทนที่ดี และเราจะพูดกับเขาในกิจการงานของเราอย่างง่ายๆ”
89. แล้วเขาได้มุ่งไปอีกทางหนึ่ง(ทางตะวันออก)
90. จนกระทั่งเมื่อเขาไปถึงดินแดนที่ตะวันขึ้น(*1*) เขาพบมันขึ้นเหนือกลุ่มชนหนึ่ง เรามิได้ทำที่กำบังแดดให้แก่พวกเขา(*2*)
(1) ที่กล่าวไว้ว่า เมื่อเขาไปถึงดินแดนที่ตะวันตก ณ ที่นี้ก็เช่นเดียวกันคือ เมื่อเขาเดินทางไปถึงดินแดนที่ตะวันขึ้นจุดมุ่งหมายก็คือทางขึ้นของตะวันออกในสายตาของผู้มอง อัลกรุอานมิได้กำหนดสถานที่ไว้อย่างแน่นอน (2) คือเป็นดินแดนที่โล่งเตียน เปิดเผย ไม่มีตึกรามบ้านช่อง และไม่มีต้นไม้เป็นที่กำบัง
91. เช่นนั้นแหละ เราหยั่งรู้ข่าวคราวที่เกี่ยวกับเขา
92. แล้วเขาได้มุ่งไปอีกทางหนึ่ง(ไปทางเหนือ) (*1*)
(1) เขาออกเดินทางไปยังแหล่งที่สาม คือระหว่างตะวันออกกับตะวันตก คือมุ่งสู่ทางเหนือที่มีภูเขาสูง ๆ
93. จนกระทั่งเมื่อเขาไปถึงบริเวณหว่างภูผาทั้งสอง(*1*) เขาได้พบชนกลุ่มหนึ่งที่เชิงภูผาทั้งสองนั้นซึ่งพวกเขาเกือบจะไม่เข้าใจคำพูดกันเลย(*2*)
(1) เมื่อไปถึงอาณาบริเวณที่มีภูเขาใหญ่ 2 ลูก (2) ชนหมู่นั้นพูดหลายภาษา ทำความเข้าใจกันยาก
94.พวกเขากล่าวว่า “โอ้ซุลก็อรนัย แท้จริงยะอ์ญูจและมะอ์ญูจนั้นเป็นผู้บ่อนทำลายในแผ่นดินนี้
ดังนั้น เราขอมอบบรรดาณาการแก่ท่าน เพื่อท่านจะได้สร้างกำแพงกั้นระหว่างพวกเรากับพวกเขา”(*1*)
(1) ซุลก็อรนัยมีความเห็นว่า วิธีที่ง่ายและดีที่สุดในการสร้างกำแพงนั้นคือ ปิดทางผ่านระหว่างภูเขาทั้งสองลูก
95. เขากล่าวว่า “สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าของฉันได้ให้อำนาจแก่ฉันดียิ่งกว่า ดังนั้นพวกท่านจงช่วยฉันด้วยกำลัง ฉันจะสร้างกำแพงแน่นหนากั้นระหว่างพวกท่านกับพวกเขา”
96. “พวกท่านจงเอาเหล็กท่อนโต ๆ มาให้ฉัน” จนกระทั่งเมื่อเขาทำให้บริเวณภูผาทั้งสองราบเรียบเขาก็กล่าวว่า “จงเป่ามันด้วยเครื่องเป่าลม” จนกระทั่งเมื่อเขาทำให้มันร้อนเป็นไฟ เขากล่าวว่า “ปล่อยให้ฉันเททองแดงหลอมลงไปบนมัน”(*1*)
(1) เขาใช้ให้ชาวบ้านนำเหล็กท่อนโตๆ มาวางเรียงเป็นกองพะเนินสูง แล้วจุดไฟเผาเหล็กจนร้องแดง หลังจากนั้นให้เอาทองแดงหลอมเทราดบนเหล็ก แล้วในจะแข็งกล้า ในสมัยปัจจุบันก็ได้ค้นพบว่า การผสมทองแดงส่วนหนึ่งเข้ากับธาตุเหล็ก จะทำให้เหล็กมีความแข็งกล้าและทนทาน
97. ดังนั้น พวกเขา (ยะอ์ญูจและมะอ์ญูจ)ไม่สามารถจะข้ามมันได้ และไม่สามารถจะขุดโพรงผ่านมาได้(*1*)
(1) ด้วยการทำประตูเหล็กดังกล่าว พวกบ่อนทำลายคือยะอ์ญูจจึงไม่สามารถจะปืนป่ายข้ามไปได้เพราะความสูงและความลื่นเป็นมันของ เหล็ก ในเวลาเดียวกันก็ไม่สามารถจะขุดเจาะประตูเหล็กได้ เพราะความแข็งกล้าของเหล็กนั่นเอง
98. เขากล่าวว่า “นี่คือความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้าของฉัน ดังนั้น เมื่อสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าของฉันมาถึง(*1*) พระองค์จะทรงทำให้มันพังทลาย และสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าของฉันนั้นเป็นจริงเสมอ”
(1) คือเมื่อยะฮ์ญูจและมะอ์ญูจออกมา นั่นคือสัญญาณแห่งวันใกล้ กิยามะฮ์จะเกิดขึ้น และประตูเหล็กที่ซุลก็อรนัยน์ได้ทำไว้นั้นก็จะพังราบเรียบ
*******
อ่านกุรอาน แปลไทย ซูเราะห์นี้ เพิ่มเติม ได้ที่ http://alquran-thai.com/ShowSurah.asp?SurahNo=18
.
Comments